การเลือกใช้ SDR ของท่อ HDPE ตามประเภทงานที่เหมาะสม
SDR คืออะไร? ความสำคัญของ SDR บนท่อ HDPE สำหรับการติดตั้งระบบท่อ
SDR (Standard Dimension Ratio) ของท่อ HDPE (High-Density Polyethylene) นั้น เป็นการใช้มาตรฐานในการกำหนดอัตราส่วนระหว่าง เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก (OD) และ ความหนาของผนังท่อ (Wall Thickness, WT) เพื่อบ่งบอกความสามารถในการรับแรงดันภายในท่อ
สูตรการคำนวณ SDR:
- OD (Outside Diameter): เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของท่อ
- WT (Wall Thickness): ความหนาของผนังท่อ
ความสำคัญของ SDR:
ค่าของ SDR จะบ่งบอกถึงความทนทานของท่อในเรื่องการรองรับแรงดัน (Pressure Rating) ท่อที่มี SDR ต่ำมักจะมีผนังที่หนากว่าและสามารถรองรับแรงดันได้สูงขึ้น ในขณะที่ท่อที่มี SDR สูงจะมีผนังบางลงและรองรับแรงดันได้ต่ำกว่า
โดยทั่วไปแล้ว SDR 11 หรือ SDR 17 มักจะถูกใช้ในระบบประปาหรือการขนส่งน้ำ ส่วน SDR 9 จะใช้ในงานที่ต้องการการรับแรงดันสูง
ตัวอย่าง:
SDR 11 จะหมายความว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อจะเป็น 11 เท่าของความหนาของผนังท่อ
ถ้าเส้นผ่านศูนย์กลางท่อเป็น 110 มิลลิเมตร และใช้ SDR 11 จะทำให้ผนังท่อมีความหนาประมาณ 10 มิลลิเมตร
SDR เป็นตัวช่วยสำคัญในการเลือกท่อที่เหมาะสมกับการใช้งานตามแรงดันที่ท่อจะต้องรับได้ค่ะ
การเลือก SDR ของท่อ HDPE จะมีผลต่อความสามารถในการรองรับแรงดันน้ำหรือของเหลวภายในท่อ ซึ่งท่อที่มี SDR ต่ำ จะมีผนังท่อที่หนาและทนต่อแรงดันสูง ในขณะที่ SDR สูง จะมีผนังท่อบางและเหมาะกับการใช้งานที่มีแรงดันต่ำกว่า
การเลือก SDR ของท่อ HDPE ตามประเภทงาน
1. งานประปาและระบบน้ำดื่ม
สำหรับงานในระบบประปาและน้ำดื่มที่ต้องรองรับแรงดันสูง ควรเลือกท่อ HDPE ที่มี SDR ต่ำ เช่น SDR 11 หรือ SDR 13.6 เพราะจะมีผนังท่อหนา ซึ่งทำให้ท่อสามารถทนต่อแรงดันสูงจากระบบประปาได้ดี
SDR 11 ใช้ในงานที่มีแรงดันสูงมาก เช่น ระบบประปาใหญ่ หรือระบบส่งน้ำระยะไกล
SDR 13.6 ใช้สำหรับงานที่มีแรงดันต่ำกว่าระบบประปา เช่น การขนส่งน้ำในพื้นที่เล็ก ๆ หรือการใช้งานที่ต้องการความทนทานปานกลาง
2. งานระบายน้ำ (Drainage Systems)
สำหรับงานระบายน้ำหรือท่อที่ใช้ในงานที่มีแรงดันต่ำ เช่น ระบบระบายน้ำฝนหรือท่อระบายน้ำเสีย ควรเลือกท่อที่มี SDR สูง เช่น SDR 17 หรือ SDR 21 เนื่องจากท่อเหล่านี้มีผนังท่อบาง ซึ่งจะเหมาะสมกับการใช้งานที่ไม่ต้องการทนทานต่อแรงดันสูงมาก
SDR 17 ใช้ในงานระบายน้ำทั่วไป ที่ไม่ต้องการแรงดันสูง
SDR 21 ใช้ในระบบระบายน้ำที่มีแรงดันต่ำสุดหรือมีการติดตั้งในพื้นที่ที่ต้องการการยืดหยุ่นสูง
3. งานไฟฟ้าและโทรคมนาคม (Cable Protection)
ในกรณีที่ใช้ท่อ HDPE สำหรับการป้องกันสายไฟฟ้าหรือสายโทรคมนาคม ควรเลือกท่อที่มี SDR สูง เช่น SDR 17 หรือ SDR 21 เพื่อให้สามารถติดตั้งและจัดการได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องพิจารณาเรื่องแรงดันน้ำหรือของเหลว
SDR 21 เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง และไม่ต้องการการทนทานต่อแรงดัน
4. งานอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม
ในงานอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรมที่ใช้ท่อ HDPE ในการขนส่งของเหลว เช่น น้ำหมัก หรือสารเคมี ควรเลือกใช้ท่อที่มี SDR ต่ำ เพื่อให้ท่อทนทานต่อความดันและความเข้มข้นของสารเคมีต่าง ๆ ได้ดี
SDR 11 หรือ SDR 13.6 เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความดันสูงหรือสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
ข้อควรพิจารณาในการเลือกใช้ SDR ของท่อ HDPE
1. แรงดันใช้งาน เลือกท่อที่เหมาะสมกับแรงดันที่ระบบจะต้องรองรับ เช่น ระบบประปาที่มีแรงดันสูงจะต้องใช้ท่อที่มี SDR ต่ำ
2. ความยืดหยุ่น ในกรณีที่ต้องการท่อที่สามารถยืดหยุ่นและติดตั้งในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนที่ได้ง่าย ควรเลือกท่อที่มี SDR สูง
3. ต้นทุน ท่อที่มี SDR ต่ำจะมีราคาแพงกว่าท่อที่มี SDR สูง เพราะต้องใช้วัสดุและกระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อนมากกว่า
4 อายุการใช้งาน ท่อที่มี SDR ต่ำมักมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า เนื่องจากมีผนังท่อหนาและทนทานต่อการกัดกร่อนมากกว่า
การดูแลและบำรุงรักษาท่อ HDPE
แม้ว่าท่อ HDPE จะมีความทนทานสูง แต่การดูแลรักษาท่อก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยการตรวจสอบสภาพท่ออย่างสม่ำเสมอและป้องกันการเกิดรอยแตกหรือความเสียหายจากการใช้งานในระยะยาว จะช่วยยืดอายุการใช้งานของท่อได้
สรุป
การเลือก SDR ของท่อ HDPE ที่เหมาะสมกับประเภทงานเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่จะช่วยให้ระบบท่อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยต้องพิจารณาจากแรงดันที่ระบบจะต้องรองรับและประเภทของงานที่ใช้งาน ในการเลือกใช้ท่อแต่ละประเภท
หากคุณกำลังมองหาท่อที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับงานต่าง ๆ อย่าลืมพิจารณา SDR ให้ดีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในงานนั้น ๆนะคะ
ครบ จบเรื่องท่อHDPE ต้องที่ทีวอเตอร์ซิสเท็มส์
โทร 087-5045793 /099-1231995
ไลน์ @twater